วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ตัวละครเรื่องพระอภัยมณีต่อ
ม้านิลมังกร
ม้ามังกร หรือ ม้านิลมังกร สัตว์ประหลาดในวรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณี ตามจินตนาการของสุนทรภู่ เป็นพาหนะของสุดสาคร โดยสุนทรภู่ได้รจนาถึงลักษณะของม้านิลมังกรไว้ว่า
พระนักสิทธิ์พิศดูเป็นครู่พัก | หัวร่อคักรูปร่างมันช่างขัน |
เมื่อตัวเดียวเจียวกลายเป็นหลายพันธุ์ | กำลังมันมากนักเหมือนยักษ์มาร |
กินคนผู้ปูปลาหญ้าใบไม้ | มันทำได้หลายเล่ห์อ้ายเดรฉาน |
เขี้ยวเป็นเพชรเกล็ดเป็นนิลลิ้นเป็นปาน | ถึงเอาขวานฟันฟาดไม่ขาดรอน |
เจ้าได้ม้าพาหนะตัวนี้ไว้ | จะพ้นภัยภิญโญสโมสร |
ให้ชื่อว่าม้านิลมังกร | จงถาวรพูนสวัสดิ์แก่นัดดา |
โดยที่สุนทรภู่มิได้ให้ที่มาที่ไปของม้านิลมังกร ว่าเป็นสัตว์อะไร มาจากไหน ปรากฏตัวครั้งแรกที่ชายหาด เกาะแก้วพิสดาร โดยสุดสาครไปพบเข้า เป็นสัตว์ดุร้าย มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ สุดสาครเป็นผู้ปราบได้จากไม้เท้าวิเศษของโยคี ในที่สุด ม้านิลมังกร ก็กลายเป็นพาหนะของสุดสาคร และเป็นสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์ต่อนาย จากการมาช่วยสุดสาครที่ตกหน้าผาจากการทำร้ายของชีเปลือย
ลักษณะของม้านิลมังกร ตัวเป็นม้าหัวเป็นมังกร หางเหมือน[[คง ]] ลำตัวเป็นเกล็ดสีดำแวววาว เหมือนดั่งชื่อ กินอาหารได้หลายอย่างดั่งคำกลอน จึงเชื่อว่าสุนทรภู่จินตนาการมาจากกิเลนของจีน ก็เป็นได้ เพราะไม่ปรากฏสัตว์ลักษณะเช่นนี้ในความเชื่อหรือวรรณคดีเรื่องใดของไทยมาก่อน อีกทั้งตัวละครและสถานที่ต่าง ๆ ในเรื่อง ก็มีที่มาจากหลายภาคส่วนของแต่ละประเทศอีกด้วย
วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ลักษณะตัวละครเรื่องพระอภัยมณี
พระอภัยมณี (พระอภัยมณี) | |
พระอภัยมณี เป็นโอรสของท้าวสุทัศน์กษัตริย์แห่งกรุงรัตนากับนางปทุมเกสร มีน้องชายชื่อ ศรีสุวรรณ พระอภัยมณีไปเรียนวิชาเป่าปี่จนเชี่ยวชาญสามารถทำให้ผู้ที่ได้ยินเสียงปี่ เคลิ้มหลับได้ แต่ท้าวสุทัศน์ไม่พอใจถึงขับไล่ออกจากเมืองไปพร้อมกับศรีสุวรรณ ระหว่างเดินทางพระอภัยมณีถูกนาง นางผีเสื้อสมุทร ลักพาตัวไปอยู่กับนางในถ้ำจนมีลูกชายด้วยกันชื่อ สินสมุทร ต่อมาพระอภัยมณีก็พาสินสมุทรหนีไปอยู่กับ โยคี ที่เกาะแก้วพิสดาร แล้วได้พบกับ นางสุวรรณมาลี ธิดาท้าวสิลราช ครั้นได้แต่งงานกับนางแล้ว ก็ต้องทำสงครามกับ อุศเรน ซึ่งเป็นคู่หมั้นของนาง จนอุศเรนตาย นางละเวงวัณฬา น้องสาวของอุศเรนคิดแก่แค้นแทนจึงต้องทำสงครามกัน พระอภัยมณีถูกนางละเวงวัณฬาทำเสน่ห์ให้หลงใหลนางจนตามไปอยู่ในเมืองลังกา ด้วย และนางยังยุให้พระอภัยมณีทำสงครามกับฝ่ายเดียวกัน กระทั่งโยคีแห่งเกาะแก้วพิสดารมาเทศนาโปรดสงครามจึงยุติลง ในปั้นปลายชีวิตพระอภัยมณีได้บวชเป็นฤาษีบำเพ็ญศีลอยู่ที่เขาสิงคุตร์
นางเงือก (พระอภัยมณี) |
นางเหงือก มีร่างครึ่งคนครึ่งปลา คือกายท่อนบนเป็นหญิงสาวสวย แต่ท่อนล่างตั้งแต่เอวลงไปเป็นมีหางเป็นปลา อาศัยอยู่ในทะเล นางเหงือกกับพ่อแม่ของนางได้ช่วยพา พระอภัยมณีกับ สินสมุทร หนี นางผีเสื้อสมุทร ไปที่เกาะแก้วพิสดาร แต่พ่อแม่ของนางหนีไม่ทันจึงถูกนางผีเสื้อสมุทรจับกิน แล้วนางเหงือกก็ตกเป็นภรรยาของพระอภัยมณี ต่อมาพระอภัยมณีกับสินสมุทรบวชเป็นโยคี และอาศัยเรือของท้าวสิลราชกลับไปบ้านเมือง ก่อนจากกันพระอภัยมณีไปร่ำลานางเหงือกและฝากแหวนกับปิ่นไว้ให้ลูกในท้องของ นางด้วย เวลาผ่านไปนางเหงือกคลอดลูกชาย รูปร่างหน้าตาเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ แล้วฝากให้ โยคี เลี้ยงดูให้ เพราะนางเลี้ยงลูกเองไม่สะดวก โยคีตั้งชื่อให้ว่า สุดสาคร
นางผีเสื้อสมุทร (พระอภัยมณี) |
"อียักษา ตาโตโมโหมาก | รูปก็กากปากก็เปราะไม่เหมาะเหมง | |
นมสองข้างอย่างกระโปงดูโตงเตง | ผัวของเองเขาระอาไม่น่าชม" |
นางผีเสื้อสมุทร เป็นยักษ์ อาศัยอยู่ในถ้ำซึ่งอยู่กลางทะเล สามารถแปลงร่างเป็นหญิงสาวสวยได้ ชาติก่อนได้พรจากพระอิศวรให้ถอดดวงใจใส่ไว้ในก้อนหินได้ นางจึงกำเริบใจไปต่อสู้กับพระเพลิงจึงถูกไฟกรดเผาจนร่างมอดไหม้ นางก็กลายเป็นปีศาจสิงอยู่ในก้อนหินที่ฝากดวงใจไว้ ครั้นเวลาเนิ่นนานหลายปี ก้อนหินก็มีแขนขา หน้าตางอกออกมา แล้วในที่สุดก็มีชีวิตขึ้นมาอีก วันหนึ่งนางเห็น พระอภัยมณี จึงนึกรักจึงอุ้มไปอยู่กับนางในถ้ำ จนมีลูกชายด้วยกันชื่อ สินสมุทร ต่อมาพระอภัยมณีกับสินสมุทรก็พากันหนีไปจากนาง นางผีเสื้อสมุทรออกติดตามไปด้วยความรัก แต่แล้วนางก็ต้องตายด้วยเสียงปี่ของพระอภัยมณีร่างของนางก็กลับกลายเป็นหิน นอนอยู่ที่ชายหาดริมทะเลนั้นเอง
สุดสาคร (พระอภัยมณี) | |
วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556
กำเนิดสุดสาคร
เมื่อพระอภัยมณีได้นางเงือกแล้ว โถ! หม้อข้าวยังไม่ทันดำก็จำต้องพรากจากกันไป เพราะบังเอิญนางสุวรรณมาลี ธิดาพระเจ้ากรุงผลึกได้ล่องเรือตามหาดวงแก้วในฝัน จนมาถึงเกาะแก้วพิสดาร พระอภัยมณีและสินสมุทรจึงขอโดยสารเรือกลับไปด้วย
๏ จะกล่าวถึงเงือกน้อยกลอยสวาท | ซึ่งรองบาทพระอภัยไกลสถาน |
อยู่วลวังหลังเกาะแก้วพิสดาร | ประมาณกาลสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา ๚ |
๏ ให้เจ็บครรภ์ปั่นป่วนจวนจะคลอด | ระทวยทอดลงกับแท่นที่แผ่นผา |
จะแลเหลียวเปลี่ยวใจไนยนา | ไม่เห็นหน้าผู้ใดที่ไหนเลย ๚ |
จากนั้นนางเงือกก็คลอดบุตรชายมาหนึ่งคน ชื่อว่า “สุดสาคร” มีม้า “นิลมังกร” เป็นม้าคู่ใจ
สุดสาครได้เล่าเรียนวิชาต่างๆ จากพระโยคีจนเก่ง ถูกใจพระโยคีจึงได้มอบไม้เท้ากายสิทธิ์ให้
พอสามขวบก็มาลาแม่เพื่อไปตามหาพระอภัยมณีผู้เป็นพ่อ นางเงือกก็แสนห่วงใยแต่ก็จำยอม
๏ เคยกินนมชมชื่นระรื่นรส | พ่อจะอดนมหมองลอองสี |
ทั้งย่อมเยาว์เบาความได้สามปี | เล็กเท่านี้จะไปกระไรเลย ๚ |
และแล้วก็มาพบกับชีเปลือยไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์ หลอกเอาวิชาและหลอกให้นั่งภาวนาบนปากเหว
พอเผลอก็ถูกถีบตกเหวจนสลบไสล แล้วเอาม้านิลมังกรและไม้เท้ากายสิทธิ์หนีไป
เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ร้องไห้โฮ นึกถึงพระเจ้าตาให้มาช่วยหนูด้วย ฮือๆ หนูคิดถึงแม่ ..
๏ โอ้เจ้าตาอาจารย์ของหลานเอ๋ย | พระองค์เคยค่ำเช้าเฝ้าสั่งสอน |
มาครั้งนี้ชีวาตม์แทบขาดรอน | พระอาจารย์มารดรไม่เห็นใจ |
เมื่อต่อตีผีดิบสักสิบโกฏิ | พระมาโปรดหลานรักไม่ตักไษย |
โอ้ครั้งนี้มิรู้ด้วยอยู่ไกล | ไม่มีใครบอกเล่าพระเจ้าตา ๚ |
๏ บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว | สดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา |
เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา | ประคองพาขึ้นจนบนบรรพต |
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ | มันสิ้นสุดฦกล้ำเหลือกำหนด |
ถึงเถาวัลิพันเกี่ยวที่เลี้ยวลด | ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน ๚ |
เฒ่าชีเปลือยตกใจกระโดดผลุงหนีไป ชาวเมืองวิ่งตามกันอลหม่าน เสียงดังเข้าไปในวัง
กษัตริย์เมืองการเวกออกมาเจอสุดสาครในชุดมุนีน้อยก็รู้สึกรักใคร่เอ็นดูยิ่ง จึงตรัสถามว่า ...
๏ เป็นพงศ์เผ่าท้าวพระยาหรือพาณิช | กะจิริดรู้ศรัทธาจะหาไหน |
พระมุนีมีนามกรใด | ธุระไรจึงจะมาถึงธานี ๚ |
๏ พระหน่อไทได้ฟังรับสั่งถาม | จึงตอบความตามจริตกิจฤๅษี |
อาตมาอายุได้สามปี | พระชนนีชื่อมัจฉาวิลาวรรณ์ ๚ |
สุดสาครก็เลยเล่าเรื่องชีเปลือยไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์ให้ฟัง หลังจากนั้นก็ตามจับตัวมาไต่สวน
กว่าจะจับได้ก็เหนื่อยนัก “พวกข้าเฝ้าเข้ากลุ้มรุมกันฉุด แกดิ้นหลุดแพลงพลิกเข้าจิกหัว”
เมื่อโดนจับได้แล้วแทนที่จะรับสารภาพ เฒ่าเจ้าเล่ห์กับทำปากแข็ง แถมยังกวนอีก!
๏ ฝ่ายชีเปลือยเหนื่อยอ่อนลงนอนนิ่ง | ครั้นรับจริงกลัวจะสั่งให้สังหาร |
แกล้งบิดเบือนเหมือนเป็นไข้ไม่ให้การ | ทำสะท้านเทิ้มเทิ้มระเริ้มริก |
เขาเตือนตีสีข้างผางถนัด | ทำจุกอัดอั้นใจไม่กระดิก |
เขาจี้จิ้มทิ่มพุงสดุ้งพลิก | หัวเราะริกรื้อกลับนั่งหลับตา ๚ |
เมื่อสุดสาครร้องขอชีวิตเจ้าชีเปลือย เจ้าเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นจึงรอดตายอย่างหวุดหวิด!!!
พระเจ้ากรุงการเวกมีธิดาน้อยองค์หนึ่งชื่อว่า เสาวคนธ์ แต่ไม่มีโอรส จึงโปรดสุดสาครนัก
ทั้งกษัตริย์และมเหสีได้เรียกพระธิดาเสาวคนธ์ให้มารู้จักสุดสาคร ให้เป็นพี่เป็นน้องกัน
๏ พระตรัสพลางทางเรียกธิดาราช | มาร่วมอาสน์เนาวรัตน์แล้วตรัสสอน |
ให้อัญชลีพี่ยาสุดสาคร | นางโอนอ่อนอภิวันท์จำนรรจา |
พี่จ๋าพี่พระแกลตุ๊กแกร้อง | ทำบ่วงคล้องมันเสียทีเถิดพี่จ๋า |
กุมารอุ้มจุมพิตพระธิดา | แล้วว่าอย่ากลัวตุ๊กแกเลยแม่น้อง |
ฉันจะตีที่หลังให้ดังผลุง | น้องสดุ้งสรวลสันต์กันทั้งสอง |
น่าสงสารมารดรกรประคอง | อุ้มให้สองทรามเชยเสวยนม |
สุดสาครนอนทับพระเพลาซ้าย | แล้วดื่มสายโลหิตสนิทสนม |
จนอิ่มหนำฉ่ำชื่นรื่นอารมณ์ | นางจูบเกล้าเผ้าผมเฝ้าชมเชย ๚ |
ที่นางสุวรรณมาลีล่องเรือมาจนถึงเกาะแก้วพิสดารนั้น เพราะนางเป็นคู่หมั้นของอุศเรนเจ้ากรุงลังกา แต่นางไม่สนใจ ตอนหลังอุศเรนโดนสินสมุทรฆ่าตาย (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) นางลเวงน้องสาวอุศเรนจึงแค้นใจ ยกทัพมาแก้แค้น แต่เห็นว่าพระอภัยมณีหล่อก็เลยแย่งซะเลย คือแย่งไปจากนางสุวรรณมาลีด้วยเสน่ห์ยาแฝด พระอภัยก็สมยอม ครั้นถึงรุ่นลูกเป็นวัยรุ่น สุดสาครไปตามหาพ่อ นางละเวงก็เลยแนะลูกสาวให้ใช้เสน่ห์กับผู้ชาย
*** คงจำกันได้นะว่านางผีเสื้อสมุทรนั้นตายตอนไหน ตอนพระอภัยฯ อยู่บนเกาะแก้วพิสดารนั้นนางผีเสื้อมารบกวนไม่ได้ เพราะเกรงอิทธิฤทธิ์ของพระโยคี แต่เมื่อพระอภัยโดยสารสำเภาของนางสุวรรณมาลีออกมาจากเกาะแล้ว แม่ผีเสื้อก็โผล่มา แล้วท้ายที่สุดก็ตายเพราะเสียงปี่ของพระอภัยฯ
ระหว่างที่พระอภัยและสินสมุทรกำลังติดหญิงอยู่ในกรุงลังกานั้น นางสุวรรณมาลี พร้อมด้วยสุดสาคร เสาวคนธ์ (ธิดาเจ้าเมืองการเวก) และหัสไชย (น้องชายเสาวคนธ์ ซึ่งเกิดทีหลังที่เจ้าเมืองการเวกชุบเลี้ยงสุดสาคร) ทั้งหมดนี้ก็ได้ยกทัพไปบุกเมืองลังกาของนางลเวงวัณฬาราช เพื่อจะชิงตัวพระอภัยฯ
สุดสาครและหัสไชย (น้องชาย) ก็ได้อาสานางสุวรรณมาลีเข้าไปดูพระอภัยในวังของนางลเวง
นางลเวงแสร้งทำยินดีเตรียมต้อนรับสุดสาครและอนุชา แล้วก็แอบยุลูกสาวให้เผด็จศึกสุดสาครให้ได้ แต่นางสุลาลีวัน ลูกสาวนางลเวงไม่มีประสบการณ์ก็เลยทำอิดออดอิดเอื้อนกระมิดกระเมี้ยน
๏ ด้วยไม่เคยเลยหม่อมฉันประทานโทษ | อย่ากริ้วโกรธกึ่งตรึกนึกไฉน |
นางฟังคำร่ำปลอบให้ชอบใจ | กลัวทำไมมีผัวอย่ากลัวเลย |
ไม่ลำบากยากเย็นเป็นแต่เขา | เข้าคลึงเคล้าต้องถูกดอกลูกเอ๋ย |
ชื่นอะไรนั้นไม่รื่นเหมือนชื่นเชย | กลัวจะเคยเสียหนักอีกอย่าหลีกตัว ๚ |
๏ สุดสาครค้อนเคืองชำเลืองพิศ | ระรื่นฤทธิ์รสสุคนธ์ด้วยมนต์ขลัง |
ให้เสียวซาบปลาบปลื้มจนลืมชัง | เห็นเปล่งปลั่งพรั่งพร้อมลม่อมลไม ๚ |
๏ ห้ามเท่าไรไม่ยั้งไม่ฟังห้าม | ตามเถิดตามบุญกรรมแกล้งทำเฉย |
พระกอดช้อนกรต้องประคองเชย | ต่างไม่เคยขามเขินเผอิญเป็น |
กระดี้กระดิกพลิกเพลี่ยงเบือนเบี่ยงบิด | เหมือนเรือติดตมตื้นจะขืนเข็น |
แต่สาวหนุ่มชุ่มชื่นระรื่นเย็น | บังเกิดเป็นอัศจรรย์ไม่ทันรู้ |
ด้วยรวดเร็วเปลวไฟประไลยราค | เหมือนขึ้นปากนกหินดินใส่หู |
พอลั่นฉับสับไกก็ไฟพรู | เสียงฟุบฟู่ฟุ้งฟูมดังตูมตึง |
ต่างละเลิงเชิงชมภิรมย์รื่น | อันรสอื่นหรือจะเปรียบประเทียบถึง |
นางเมียยั่วผัวเย้าเฝ้าเคล้าคลึง | จนเหนื่อยจึงเคลิ้มหลับระงับไป ๚ |
จนกระทั่งพระฤๅษีจากเกาะแก้วพิสดารมาเทศนาโปรดทัพทั้งสองให้เลิกแล้วต่อกัน จึงสงบศึกปรองดองกันได้โดยนางลเวงได้เชิญนางสุวรรณมาลีและทัพกษัตริย์ทั้งหมดเข้าเมือง นอกจากนี้นางลเวงยังยอมให้นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชรในระหว่างชมสวนอีกด้วย
ต่อมานางเสาวคนธ์ที่เคยเล่นตุ๊กแกที่พระแกล(หน้าต่าง)กับสุดสาครในวัยเด็ก ก็งอนหนีกลับไป สุดสาครรู้เข้าก็ชวนหัสไชย(อนุชาเสาวคนธ์) ติดตามนางเสาวคนธ์ไปง้องอนอย่างกระชั้นชิด แต่ก็ไม่เป็นผล จึงได้แต่พร่ำรำพึงเป็นบทกลอนที่คุ้นหูมาทุกยุคสมัยว่า ....
“จะเรียนร่ำทำอะไรไม่ลำบาก .... ให้ยอดยากอย่างเดียวเกี้ยวผู้หญิง”
แต่ถ้าเนื้อคู่แล้วย่อมไม่แคล้วคู่กัน หนีได้ก็หนีไป หนีอย่างไรก็ไม่พ้น เสาวคนธ์เดินหน้าต่อไปหลายบทหลายตอน ทั้งแปลงกายเป็นฤๅษีจนกระทั่งไปตีได้เมืองวาหุโลม แต่สุดสาครก็ตามไปพบจนได้ แล้วก็ได้สุขสมอารมณ์หมาย
๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงแว่วเสียงตรัส | กลับสงัดเงียบระงับหรือหลับไหล |
ค่อยแหวกม่านคลานแลอยู่แต่ไกล | เห็นเนาในแท่นทองทั้งสององค์ |
นึกเอะใจใครหนอนอนคลอเคล้า | พลางเคียงเข้าพินิจพิศวง |
สังเกตจำสำคัญได้มั่นคง | รู้ว่าองค์เชษฐาสุดสาคร ๚ |
ส่วนศรีสุวรรณอนุชาของพระอภัยมณีก็กลับไปครองเมืองรมจักรของนางเกษราผู้เป็นมเหสี
๏ สินสมุทรไปบำรุงกรุงผลึก | ได้ปราบศึกสืบวงศ์เหล่าพงศา |
สุดสาครเสาวคนธ์สุมณฑา | ครองลังกาผาสุกสนุกสบาย ๚ |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)